ช่วงตั้งครรภ์มีการเปลี่ยนแปลงของร่างกายมากที่เห็นชัดที่สุดคือ ร่างกายภายนอก และยังมีเรื่องสุขภาพเล็กๆ น้อยที่อาจเกิดขึ้นกับบ้างท่านได้ อย่างปัญหาช่วงปาก โดยเฉพาะเรื่องของเหงือก บางครั้งก็เป็นสิ่งที่แม่ท้องคิดไม่ถึง เราจะมาชวนดูแลสุขภาพเหงือก เพื่อการทางดูแลกันอย่างถูกวิธีกันค่ะ
แม่ท้องกับเรื่องเหงือกบวม
โรคเหงือกอักเสบหรือโรคปริทันต์อักเสบ เดิมทีเรียกว่าโรครำมะนาด เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียที่มีอยู่ในช่องปาก มีการเจริญเติบโตเพิ่มจำนวนขึ้นในสภาวะที่เหมาะสม เช่น คราบอาหารจำพวกแป้งและน้ำตาลเกาะบนผิวฟันหรือเกิดจากการทำความสะอาดฟันไม่ดีพอ ก็ทำให้คราบอาหารเป็นอาหารของแบคทีเรีย เติบโตและเพิ่มจำนวนกระจายไปบนผิวฟัน ที่เรียกกันว่า แผ่นคราบจุลินทรีย์ แบคทีเรียจะปล่อยกรดและสารพิษออกมาเป็นตัวกระตุ้นให้เกิดปฏิกิริยาการอักเสบ ทำให้เหงือกบวมแดงอักเสบและมีเลือดออกบริเวณเหงือก
อาการเหงือกบวม
ลักษณะของเหงือกจะบวม แดง หากถูกขนแปรงตอนแปรงฟัน จะมีเลือดซึมออกบริเวณซอกฟัน ซึ่งเป็นบริเวณที่มักพบโรคบริเวณที่การทำความสะอาดเข้าไปได้ยาก เมื่อปล่อยนานเข้าจะเกิดหินปูนหรือหินน้ำลายร่วมด้วย มองเห็นเป็นแถบสีขาว ออกเหลือง แข็ง แปรงไม่ออก เป็นที่สะสมของเชื้อโรค ทำให้เกิดการอักเสบของเหงือกรุนแรงมากขึ้นได้
นอกจากการอักเสบของเหงือกที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรียแล้ว การบวมของเหงือกที่มีลักษณะเป็นก้อนระหว่างฟัน อาจเกิดบางจุดหรือเกิดทั่วทั้งปากก็ได้นั้น เกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนระหว่างการตั้งครรภ์ที่เรียกว่า Pyogenic Granuloma (pregnancy tumor) เกิดขึ้นได้เป็นปกติในหญิงตั้งครรภ์ ไม่ส่งผลร้ายแรงอะไรเพียงทำให้มีเลือดออกเวลามีสิ่งของไปโดน และทำความสะอาดได้ยากขึ้น ทั้งนี้ ก้อนเนื้อที่ว่าจะมีขนาดค่อยๆ เล็กลงและหายไปหลังคลอด ในบางคนเล็กลงแต่ไม่หายไป อาจต้องให้คุณหมอรักษาด้วยการตัดออกค่ะ
เหงือกบวม จะหายไปไหม?
โรคเหงือกบวมไม่ใช่โรคที่รุนแรง เพียงแค่ทำให้รู้สึกไม่สบายใจ มากกว่า เพราะการเพิ่มของระดับฮอร์โมนในร่างกาย ทำให้เหงือกเกิดการระคายเคืองต่อคราบหินปูนมากกว่าปกติ ดังนั้น วิธีที่ดีที่สุด คือการหมั่นดูแลรักษาฟันให้สะอาดอยู่เสมอ โดยเฉพาะบริเวณขอบเหงือกจะช่วยป้องกัน ลดความเสี่ยงไม่ให้เกิดโรคเหงือกอักเสบระหว่างที่คุณแม่ท้อง
แต่หากทิ้งไว้นานวัน คราบจุลินทรีย์และหินปูนจะลุกลามลงไปใต้เหงือก เกาะบนผิวรากฟัน ทำให้กระดูกรอบรากฟันถูกทำลาย เกิดเป็นโรคปริทันต์อักเสบ อาจเกิดกับฟันซี่เดียวหรือหลายๆ ซี่ในปาก หากไม่ได้รับการรักษา กระดูกรอบรากฟันจะถูกทำลายมากขึ้น ทำให้เกิดฟันโยกจนต้องถอนฟันในที่สุดค่ะ
แม่ท้องจ๋า ดูแลป้องกันดีกว่า
- หมั่นดูแลสุขอนามัยในช่องปากอย่างสม่ำเสมอ คือแปรงฟันอย่างน้อยวันละ 2 ครั้ง
- หลังมื้ออาหารย่อยๆ ก็ควรบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหรือน้ำยาบ้วนปาก เพื่อลดคราบเศษอาหารและน้ำย่อยจากกระเพาะอาหาร
- ใช้ไหมขัดฟันเพื่อช่วยกำจัดคราบพลัคเป็นประจำทุกวัน จะช่วยให้รู้สึกสะอาดและสดชื่นขึ้น
- คุณแม่ที่หิวบ่อยควรหลีกเลี่ยงอาหารที่หวานจัด เปรี้ยวจัด เปลี่ยนมากินผักและผลไม้สดแทน ก็จะเป็นผลดีต่อสุขภาพฟันค่ะ
- กินอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเพิ่มอาหารที่มีโปรตีน แคลเซียม และฟอสฟอรัสมากๆ เช่น นม ไข่ ปลาเล็กปลาน้อยรวมทั้งผักผลไม้
มีหลายคนสงสัยว่า แม่ท้องทำฟันได้หรือไม่ ที่จริงแล้ว คุณหมอสามารถให้การรักษาทันตกรรมได้ค่ะ (ช่วงเดือนที่ 4 – 6) ซึ่งไม่เป็นอันตรายต่อลูกน้อย ทั้งนี้คุณแม่เองก็ควรแจ้งให้คุณหมอทราบถึงการตั้งครรภ์ และตรวจสุขภาพช่องปากก่อนตั้งครรภ์ เพื่อรับการรักษาพื้นฐาน เช่น อุดฟัน ขูดหินปูน ป้องกันโรคเหงือกและฟันผุค่ะ
✔️ สนใจสั่งซื้อ FB inbox : www.facebook.com/messages/t/mommyjuicy
✔️ Line : @mommyjuicy https://line.me/R/ti/p/%40mommyjuicy
✔️ โทร. 084-413-3559
✔️ ส่งฟรีทั่วกรุงเทพค่ะ! คุณแม่ หรือ คุณๆท่านใดสนใจสั่งซื้อได้เลยนะคะ
☆ ดื่มง่าย
☆ คุณแม่บอกต่อ
☆ น้ำนมเยอะจุใจแม่